กระต่าย
กระต่ายสายพันธุ์ที่คนส่วนใหญ่นิยมนำมาเลี้ยง พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงกระต่าย ที่คนคิดจะเลี้ยงกระต่ายควรรู้ไว้ ก่อนจะนำเจ้าตัวน้อยมาเลี้ยง
เสน่ห์ของกระต่ายอยู่ที่ขนนุ่มนิ่มและตากลมแบ๊วนี่แหละ เลยทำให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าหมาหรือแมวเลย แถมยังดูน่ารัก เรียบร้อย ไม่ส่งเสียงรบกวน แต่เห็นน่ารัก กินง่าย อยู่ง่ายแบบนี้ ใช่ว่าจะซื้อแล้วนำมาใส่กรงเลี้ยงได้เลย ก่อนการเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหนก็ตามจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลการอยู่ การกิน รวมถึงพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกระต่ายและวิธีเลี้ยงกระต่ายมาฝากกัน ใครคิดจะเลี้ยงกระต่ายควรจะศึกษาไว้ก่อนเลย
นิสัยของกระต่าย
1. การกินมูลตัวเอง (Coprophagy)กระต่ายจะมีการถ่ายมูลพวงองุ่นที่อ่อนนุ่มในยามเช้าตรู่ แล้วกินกลับเข้าไปใหม่เพื่อปรับลำไส้ให้เป็นปกติ โดยในมูลพวงองุ่นก็จะมีทั้งวิตามินบี โปรตีน และแบคทีเรียที่ดี เมื่อกระต่ายกินมูลกลับเข้าไปก็จะได้รับสารอาหารและแบคทีเรียที่ดีกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง
2. การกัดแทะสิ่งของ
กระต่ายเป็นสัตว์ฟันแทะและจะแทะเพื่อลับฟัน ไม่ให้ฟันงอกยาวจนเกินไป เพราะหากฟันยาวอาจจะเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้อีกมากมาย ฉะนั้นผู้เลี้ยงจึงควรหากิ่งไม้ ท่อนไม้แห้งเล็ก ๆ แข็ง ๆ หรือไม้แทะแบบสำเร็จรูปทิ้งไว้ให้แทะเล่น แต่ก็ต้องดูว่าไม้นั้น ๆ ต้องไม่เป็นอันตรายต่อกระต่ายด้วย
3. การนอน
ที่จริงแล้วกระต่ายเป็นสัตว์หากินกลางคืน จะตื่นตอนกลางคืนเพื่อหากินและจะหลับในเวลากลางวัน กระต่ายบางตัวจะนั่งนิ่ง ๆ สักพักโดยไม่หลับตาและนั่นคือการนอนของพวกมัน เพราะกระต่ายมีสัญชาตญาณในการระวังตัวสูง มักตกอยู่ในสถานะผู้ถูกล่าเสมอ จึงระวังตัวตลอดเวลา
4. การเคาะเท้า
กระต่ายอาจจะเคาะหรือกระโดดขึ้น-ลงให้เกิดเสียง เพื่อเป็นการเตือนภัย พวกมันจะเคาะเท้าเมื่อเกิดภาวะเครียดและตื่นกลัว เช่น มีสัตว์อื่นเข้ามาใกล้บริเวณที่อยู่หรือไม่คุ้นเคยเวลามีคนจะเข้าไปอุ้ม
5. ความก้าวร้าว
อาการก้าวร้าวอาจเกิดจากการตามใจจนติดเป็นนิสัย การถูกรังแก หรือความต้องการเป็นเจ้าของอาณาเขต จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับนิสัยของกระต่าย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการตามใจและการถูกรังแกจนฝังใจมากกว่า ซึ่งจะแสดงออกโดยการกัดเวลายื่นมือเข้าไปหรือกัดเวลาได้ของไม่ถูกใจ
สายพันธุ์กระต่ายที่นิยมเลี้ยง
เป็นกระต่ายพื้นบ้านของประเทศไทย มีขนสั้น ตัวใหญ่ ว่องไวปราดเปรียว หูยาว หน้าค่อนข้างแหลม มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดได้สูง ทนต่อสภาพอากาศได้ดีและมีหลากหลายสี
2. ไลอ้อนเฮด (Lionhead Rabbit)
มีขนาดตัวไม่ใหญ่มาก มีขนเป็นแผงคอลักษณะคล้ายสิงโต ตัวอ้วน สั้นและกลม หูสั้น ตั้ง มีขนปกคลุม มีหลากหลายสี ทั้งสีขาว น้ำตาล ส้ม และสีผสม ขนาดเมื่อโตเต็มที่หนักประมาณ 2 กิโลกรัม
3. โปลิช (Polish Rabbit)
นับได้ว่าเป็นกระต่ายพันธุ์ที่เล็กที่สุดเลยก็ว่าได้ น้ำหนักโตเต็มที่ประมาณ 8 ขีด ขนเป็นสีดำ เทา แทน ขาว เป็นสีเดียวกันทั้งลำตัวหรือมีจุดสีแซมเล็กน้อย ดวงตาเล็กเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ ไม่ชอบอากาศร้อน
4. มินิลอป (Mini Lop)
กระต่ายอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันอย่างมากในปัจจุบันนี้ มีลักษณะหูตก กะโหลกใหญ่ ขนสั้น แน่น เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักอยู่ประมาณ 1.8 กิโลกรัม
5. เจอร์รี่วูดดี้ (Jerry Woody)
อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ขนยาวน่ารัก มีลักษณะคล้ายกับเท็ดดี้แบร์ แต่จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่า น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 2-3 กิโลกรัม
6. ฮอลแลนด์ลอป (holland Lop)
พันธุ์กระต่ายที่มีลักษณะตัวป้อมหัวกลม ขนสั้นหนา นุ่มลื่น ใบหูทั้งสองข้างแนบสนิทกับแก้ม กินเก่ง มีสีมากมายหลากหลายสี ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่าง ๆ ได้มากถึง 7 กลุ่มสี โตเต็มที่จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.5 กิโลกรัม